อยากเป็นนักเขียน ต้องเริ่มต้นอย่างไรบ้างและควรมีเป้าหมายไปในทางไหน

เมื่อคุณมีเป้าหมายที่อยากจะเป็นนักเขียนหรือ อยากเป็นนักเขียน ในบทความนี้จะขอแนะนำสำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นไม่ถูก ซึ่งก่อนอื่นนักเขียนทุกคนจะต้องกำหนดให้ได้ก่อนว่าจะเขียนงานประเภทแบบไหน ยกตัวอย่างเช่น งานบทความ นิยาย เรื่องสั้น บทกลอน บทกวี หรืออื่นๆ และเมื่อกำหนดได้แล้ว หายใจสูดเข้าลึกๆ แล้วเพิ่มระดับความมั่นใจในตัวเอง โดยคิดว่า “งานเขียนไม่มีคำว่าผิดหรือถูก” แต่ขอให้มั่นใจว่า “เราจะลงมือทำเท่านั้นเป็นพอ”

            แนะนำวิธีเริ่มต้นงานเขียนสำหรับนักเขียนมือใหม่

               1.ฝึกฝนการจับประเด็นในเรื่องที่จะเล่า

               สิ่งแรกที่ นักเขียน ทุกคนควรทำได้ไม่ใช่การเขียนยังไงให้ภาษาสละสลวย หรือการใช้ภาษาเรียกแขกจนคนชื่นชอบ แต่เป็นเรื่องของการจับประเด็นในการเล่าเรื่องต่างหาก หรือก็คือการวางโคร่งก่อนเขียนนั่นเอง สำหรับใครที่ยังไม่โปรสามารถเขียนทดไว้ว่า ในแต่ละเรื่องที่จะเล่า มีเส้นเรื่องตั้งแต่ต้น – จบอย่างไรบ้าง และลองเช็คความเข้าใจลำดับประเด็นที่เสนอดูว่าเข้าใจรู้เรื่องมั้ย ถ้าหากเข้าใจก็ให้ลุยขั้นต่อไป เว็บแนะนำอาชีพ

               2.ทำการรีเสิร์จข้อมูลเพื่อหาเรื่องมาซัพพอร์ตประเด็นที่ต้องการจะสื่อ

               สำหรับขั้นตอนนี้สามารถทำควบคู่กับขั้นตอนแรกได้ แต่ถ้าหากทำแยกกันก็ได้ผลอีกอย่าง ซึ่งขั้นแรกจะเริ่มวางโดยจากใช้ความรู้ ความเข้าใจที่เรามีทั้งหมด ในขณะที่สองเป็นการนำแหล่งอ้างอิง หรือรีเช็คข้อมูลเพื่อจะนำมาเสนอเสียมากกว่า และแน่นอนว่าหาเยอะๆ ไว้ก่อนยิ่งดี และเมื่อมีการแก้ไขก็สามารถนำข้อมูลที่หามามาใส่เพิ่มได้

               3.เริ่มต้นงานเขียนแบบไม่คิดมากเหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง

               สำหรับมือใหม่ที่ อยากเป็นนักเขียน แนะนำว่าให้เขียนโดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายจะดีที่สุด โดยการจินตนาการว่าสิ่งที่เราจะเขียนมีนักอ่านที่เป็นเพื่อน ที่ไม่เคยรู้เรื่องราวในสิ่งที่เราจะเขียน จากนั้นพยายามเขียนงานเขียนให้เข้าใจง่ายที่สุด และหากงานเขียนบางประเภทที่ไม่จำเป็นต้องมีน้ำเยอะ ก็พยายามเล่าให้สั้น กระชับ และได้ใจความจะดีที่สุด

               3 วิธีเริ่มต้นงานเขียนนี้เหมาะสำหรับมือใหม่เท่านั้น แน่นอนว่ามืออาชีพหรือใครหลายคนอาจมีวิถีทางที่แตกต่างกันไป และสิ่งที่สำคัญในการเขียน เมื่ออ่านจบเรามาลองอ่านออกเสียงดู เพื่อเช็คความเข้าใจและความไหลลื่นของภาษาได้อีกด้วย