ขโมยผลงาน ของคนอื่นไปเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบใดก็ตาม

อีกหนึ่งปัญหาที่พบเจอได้บ่อยในวงการคนทำงานแทบทุกยุคทุกสมัย ก็คือการมีเพื่อนร่วมงานที่ชอบ ขโมยผลงาน ของคนอื่นไปเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบใดก็ตาม สุดท้ายแล้วก็คือเขาได้หน้าและได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ โดยที่ไม่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงานเท่าไรเลย แล้วความยุติธรรมบนโลกดใบนี้ก็เหมือนไม่มีอยู่จริง เพราะคนแบบนี้มีให้เห็นทั่วไป แถมยังเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานอีกด้วย ติดตามต่อในเว็บแนะนำอาชีพ

               ประสบการณ์จะสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้ หลังจากที่โดน ขโมยผลงาน ไป เราก็จะเรียนรู้ได้เองว่าใครกันบ้างที่ไม่น่าไว้ใจ แต่ถึงตอนนั้นสิ่งที่ต้องเสียไปก่อนก็คือผลงานอย่างน้อย 1 ชิ้น ความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนร่วมงาน และอาจถูกมองในแง่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรจากนายจ้างอีกด้วย กรณีที่มีการโต้แย้งเรื่องความเป็นเจ้าของผลงานกัน หากเขานำเสนอไปก่อน แถมงานก็ยังอยู่ในมือของเขา มันก็ยากอยู่ที่คำพูดของเราจะมีน้ำหนัก

               เว้นเสียแต่ว่าเราจะได้เตรียมการป้องกันพวกชอบขโมยผลงานเอาไว้อย่างดีก่อนหน้านั้นแล้ว โดยทำหลักฐานที่สามารถใช้ยืนยันความเป็นเจ้าของได้ทุกครั้ง เวลาที่มีไอเดียดีๆ ควรเก็บลำดับการทำงานเอาไว้ให้ครบถ้วน ไล่ไปตั้งแต่ช่วงการคิดงาน วางแผน ลงมือทำ คนที่เป็นเจ้าของเท่านั้นที่จะมีสิ่งเหล่านี้ได้ ยิ่งถ้ามีผู้เกี่ยวข้องในงานด้วยก็ยิ่งดี ให้ใช้วิธีการส่งอีเมลล์อัพเดทการทำงานเป็นระยะๆ ให้กับเพื่อนในทีม ตรงนี้จะค่อนข้างมีน้ำหนัก แล้วหยิบยกขึ้นมาแย้งได้เวลามีปัญหา

ประสบการณ์จะสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้ หลังจากที่โดน ขโมยผลงาน

               อาจใช้วิธีการเข้าไปขอคำปรึกษาจากหัวหน้างาน ในระหว่างที่กำลังสร้างสรรค์ผลงานเป็นระยะๆ ก็ได้เหมือนกัน พอมีคนขโมยผลงานไป หัวหน้าเราก็จะได้ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง จะเรียกว่าเป็นการสร้างพยานบุคคลก็ได้เหมือนกัน ที่เหลือก็คือป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลให้ดีที่สุด อะไรที่สามารถใส่รหัสผ่านได้ก็ควรทำ อะไรที่ทำสำเนาได้ก็ทำไว้ ไม่มีเสียหาย อย่าลืมเก็บหลักฐานบางส่วนไว้ที่บ้านด้วย ไม่ใช่เอาไว้ในที่ทำงานอย่างเดียว