คนซื้อ เวลาเราจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม เราก็อยากให้ยอดขายเป็นไปตามเป้า แต่ก็มีบางธุรกิจที่ทำยังไงก็ไม่โดนใจลูกค้าสักที ไม่ว่าจะเรื่องการโน้มน้าวใจก็แล้ว พยายามปิดลูกค้าให้ได้ก็แล้วแต่ก็ยังเงียบอยู่ ซ้ำร้ายลูกค้าบอกกันในทางไม่ดีอีก จึงเป็นปัญหาโลกแตกมากพอสมควรในการที่จะลงมือ และต่อยอดให้ได้เรื่องราว แต่สิ่งที่คนขายสินค้ายังขาดมากในจุดนี้นั่นก็คือ จิตวิทยา เพราะโน้มน้าวอย่างเดียวไม่พอ เดี๋ยวจะจับโป๊ะว่าหลอกให้ซื้อหรือเปล่า ในบทความนี้จะมาไขข้องใจใน 20 สุดยอดเทคนิคจิตวิทยาในการขาย ว่ามีเทคนิคยังไงให้ได้ใจลูกค้า หรือมีเทคนิคยังไงให้ลูกค้าติดเรา
20 เทคนิค โน้มน้าวใจ คนซื้อ เพื่อเพิ่มยอดขาย

- ทำให้การสื่อสารสัมพันธ์กัน – การใช้จิตวิทยานั้น อันดับแรกเราต้องพูดให้ตรงกับคำถามที่จะสื่อเพื่อทำให้การสื่อสารตรงกัน ถ้าเขาเข้าใจในสิ่งที่เราเสนอและเขาได้รับในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งถ้าทำได้ถือว่าสอบผ่านเลย
- ทำให้เขาอยากรู้อยากเห็น – หากลูกค้ามีข้อสงสัยควรทำให้เขารู้สึกอยากรู้ อยากทำความรู้จักกับสินค้าที่เราต้องการอยากให้พูดถึงว่ามีประโยชน์ยังไง ใช้งานยังไง ดูแลยังไง การจัดส่งส่งทางไหน การจ่ายเงินผ่านช่องทางไหน ถ้าทำให้เขาเข้าใจเรื่องคุณค่ามากกว่าเงิน เขาอยากสนใจกับมันต่อ
- เจาะจงให้เป็น – คุณขายอะไร แล้วมีความรู้ทางด้านไหนเป็นพิเศษ ที่จะตอบคำถามได้ลึกขึ้น อธิบายสรรพคุณของมันได้ไหมและสามารถระบุให้เห็นข้อดีข้อเสีย และจุดเด่นของคุณคืออะไร ทำไมเราต้องซื้อของคุณ ซึ่งควรเจาะจงข้อนี้ให้ได้ เพื่อจะได้รู้ว่าคุณมีความรู้ในสิ่งที่จะขายจริงๆ
- จัดการความขัดแย้งให้ได้ – ในกรณีที่เหวี่ยง ไม่ควรไปเหวี่ยงลูกค้าต่อ เพราะจะลดเครดิตที่มีลงไป แต่ถ้าลองหาทางวิธีพูด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างชำนาญ สันติวิธี ปัญหาความขัดแย้งจะเบาลง การประนีประนอมจะเพิ่มขึ้น ทำให้เราได้ฝึกประสบการณ์ไปในตัว
- สร้างความน่าเชื่อถือ – คุณเป็นพ่อค้าแม่ค้าถูกกฎหมายไหม มีตัวตนชัดเจนไหม ช่องทางติดต่อไม่มีประวัติโกง หรือประวัติเสื่อมเสียที่ทำลายความน่าเชื่อถือไหม สิ่งที่สำคัญก็คือการรักษาภาพพจน์ของเราไม่ให้เสียหาย หรือถ้ามีวิจารณ์ในทางไม่ดีก็ให้มีน้อยที่สุด
- ใช้หลักฐานทางสังคม – ในกรณีรีวิวสินค้าสามารถใช้ผล Before&After เพื่อเพิ่มความเป้นไปได้จริงในการขาย ถ้ามีคนรีวิวมากเท่าไหร่ เราจะมีโอกาสพัฒนาธุรกิจได้มากขึ้นเท่านั้น
- เรียกร้องความกลัว – เราต้องเรียกร้องความกลัวในใจให้ออกไป ในการทำธุรกิจไม่มีคำว่าแพ้หรือชนะ แต่มีเพียงคำว่าคุณจะทำหรือไม่ทำ ถ้าคุณจะทำขอให้สลัดความกลัวทิ้ง และปรับเทคนิคของตนเองเพื่อทำให้ธุรกิจเป็นที่เห็นชัดในสายตาลูกค้าและบริการให้เข้าถึงขึ้น
- แผ่พลังงานให้เห็น – ทำให้เขารู้สึกว่าร้านนี้เป็นร้านที่ “ต้องซื้อ…ถ้าไม่ซื้อเราต้องพลาดแน่ๆ” เพราะนี่คือเป็นการแผ่พลังงานให้ลูกค้ามีแรงดึงดูดเข้ามาหาเราตามหลักการ NEEDS ทำให้เราเป็นคนที่น่าสอบถามรายละเอียด น่าอุดหนุนต่อเมื่อสินค้าได้รับผลดี และกลับมาใช้ซ้ำต่อ
- ซื่อสัตย์ – ซื่อกินไม่อด…คดกินไม่นาน คำนี้ยังไม่เชยไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ถ้าเราซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ไม่ว่าจะมากหรือจะน้อยลูกค้าก็ต้องกลับมา แต่ถ้าเราไม่มีความจริงใจ โกหกตั้งแต่แรก จนความเชื่อมั่นที่มีหายไปในที่สุด และร้านจะเงียบเหงาจนขายไม่ออก อย่าลืมว่าซื่อสัตย์กับเราและลูกค้าสำคัญมาก
- เสมอต้นเสมอปลาย – การถามไถ่ลูกค้าหลังการขายก็สำคัญ เช่น การรับประกันสินค้า การชี้แจงเรื่องความปลอดภัย เพราะมีผลในเรื่องการเอาใจใส่และการสร้างการกระตุ้นอยากกลับมาใช้ซ้ำอีก
- ใช้ความรู้สึก ไม่ใช้เหตุผล – เพราะบางทีการใช้เหตุผลที่จ๋าจนเกินไป ลูกค้าก็เบื่อได้ ลองชวนคุย ใช้ความรู้สึกเฟรนลี่ สนุกสนานดู เพราะจะเป็นการเพิ่มความประทับใจจากการสนทนาไม่ว่าช่องทางใดก็ตาม หรือลองใช้เหตุผลสลับกับความรู้สึก จะได้เข้าถึงความต้องการง่ายขึ้นอีกด้วย
- ใช้ตัวเลือกให้น้อยลง – ตัวเลือกไหนไม่สำคัญ อยากให้ตัดออกไป เหลือเพียงตัวเลือกที่สำคัญๆ เพื่อพัฒนา ต่อยอด และลดความยุ่งยากลงไป
- คุณค่าของ Value Beats Price – อาจจะมีโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการขายไปในตัว หรือมีการพูดในเรื่องคุณค่าของราคา ระหว่างตนเองกับคู่แข่งทางการตลาด ถ้าเรามีช่วงโปรโมชั่นลดราคา ลดแลกแจกแถมจะเป็นการกระตุ้นการขายมากขึ้นอีกทาง
- การห่อก็สำคัญ – การห่อสินค้า ห่อพัสดุ ถ้าห่อไม่ดี ลูกค้าก็ไม่ประทับใจที่จะซื้อต่อ เพราะไม่รู้ว่าของจะเสียก่อนที่จะถึงมือเราไหม ฉะนั้นไม่ว่าจะขายอะไร ควรป้องกันสินค้าให้ดีก่อนที่จะส่ง หรือระบุไปตรงๆ ว่า อย่าทำให้แตก หรือของสำคัญเพื่อป้องกันการถูกทำลาย
- สร้างความมั่นใจ – ความมั่นใจควรเริ่มที่เราก่อน ไม่ใช่ว่าให้คนอื่นมั่นใจในเรา เพราะถ้าเรามั่นใจในตัวเราเอง เราจะคิดไอเดียในการออกแบบ การสร้างจุดเด่นเพื่อตรงโจทย์เราและเขา และมีความเป็นตัวของตัวเอง แล้วนี่เองสามารถทำยอดขายได้ดีขึ้นตามมา
- สร้างประโยชน์ให้โดดเด่น – ประโยชน์ของสินค้าคุณคืออะไร แล้วเราจะได้อะไรจากของคุณ เราต้องสร้างประโยชน์ที่ได้รับในเรื่องจุดเด่น และข้อดีของเราโดยไม่ทับถมใคร และทำให้เขามองภาพรวมว่าถ้าได้ผลดี ลูกค้าจะบอกต่อๆ กับลูกค้าท่านอื่นได้
- เข้าใจว่ามนุษย์ก็เห็นแก่ตัว – ทุกคนย่อมมีความอยากได้นั่นได้นี่ ซึ่งเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เราควรใช้สิ่งนี้ให้เกิดประโยชน์ในทางบวกมากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการไม่สิ้นสุดในการขายของเรา
- ใช้เหตุผลตัดสินใจข้อเท็จจริง – เราควรมองภาพตามเหตุและผลในการตีตลาดว่าตลาดต้องการอะไร สิ่งที่เราขายตอบโจทย์ตลาดไหม จะล้นตลาดไปหรือเปล่า ไม่ว่าจะของเราเองหรือของใคร ไม่ใช่อวยฝั่งใดฝั่งหนึ่งจนเกินเหตุ เพื่อมองสภาพความเป็นจริงจากข้อเท็จจริง
- ปลุกระดมซึ่งกันและกัน – ใครว่าใจแลกใจไม่สำคัญ ธุรกิจบางตัวอาจจะมีระบบตัวแทน และการสอนวิธีการใช้จิตวิทยาเพื่อปลุกระดมซึ่งกันและกันในกลุ่มค้าขาย ในธุรกิจของตนเอง การสร้างขวัญกำลังใจที่ดี จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจเราเดินหน้าราบรื่น บนพื้นฐานความเป็นไปได้ ไม่ใช่เพ้อฝัน
- ต้องเข้าใจว่าคุณไม่สามารถบังคับได้ – ทุกอย่างมันนอกเหนือการควบคุม ในเมื่อยากเกินควบคุมขอแค่ปล่อยมันไป แล้วมาจัดการในสิ่งที่ทำได้ และไม่เกินกำลังจนเราเหนื่อยเกินไปดีกว่า เช่น มีลูกค้าแซะเรา เราแค่ปล่อยให้เขาพูดไป ทำหน้าที่ของเราให้ดีเพื่อที่ลูกค้าคนอื่นจะได้เข้าถึง จูนกับเราติด เดินหน้าต่อไป

เมื่อเราได้เห็นเทคนิคการใช้จิตวิทยาแล้ว เราจะรู้เลยว่ามันไม่ได้ยากและเราเข้าใจง่ายในการทำธุรกิจ ผู้เขียนหวังว่าสิ่งที่ได้นำเสนอลงไปจะเป็นแนวทางที่ดีไม่มากก็น้อย ขอแค่เราดูทิศทางลมให้เป็น มองใจเขาใจเราให้ออก และเชื่อมั่นในตัวเราให้เป็น เพียงเท่านี้ก้จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจแล้วค่ะ
ลองเข้ามาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวอาชีพได้จาก เว็บแนะนำอาชีพ
หรือบทความดีๆเกี่ยวกับอาชีพ อาชีพเสริม
ข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อพฤติกรรมคนซื้อรถเปลี่ยนไป
More Stories
อาชีพที่น่าสนใจ ในระบบออนไลน์ ง่าย ๆ ปี 2566 อาชีพไหนน่าสนใจ
Digital Nomad กับฟรีแลนซ์ สายไหนบ้างที่ตลาดกำลังต้องการมาก
อาชีพสตรีมเมอร์ นั้นก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มากแรงไม่แพ้กัน