ไม่ชอบ เคล็ดลับทำงานกับคนที่ ไม่ชอบ อย่างมืออาชีพดีที่สุด

ทำงานกับคนที่ ไม่ชอบ ในบทความนี้จะเป็นบทความเกี่ยวกับเคล็ดลับการทำงานกับคนที่เราไม่ชอบอย่างมืออาชีพ ในสังคมการทำงานเราก็มีทั้งคนที่ชอบเราและไม่ชอบเราในเวลาเดียวกัน จะบังคับให้ใครมารับได้ในสิ่งที่เป็นเรา 100% ก็ไม่ได้จริงไหม แต่จะทำงานกับคนที่ไม่ชอบแม้แต่น้ำหน้ามันยากเหลือเกิน ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดแค่คนที่อาวุโสกว่า อ่อนอาวุโสกว่า หรือคนในระดับเดียวกันเท่านั้น เอาล่ะ…จะแนะนำเคล็ดลับในการทำงานร่วมกันกับคนที่ไม่ชอบ และได้ผลดีเกินคาดด้วย

เคล็ดลับทำงานกับคนที่ ” ไม่ชอบ ” อย่างมืออาชีพ

แยกแยะความบาดหมางส่วนตัวกับเรื่องงาน

ภายในองค์กรก็มีไม่น้อยที่ยังแยกแยะเรื่องส่วนตัวไม่ได้ ยังจับกลุ่มนินทา บางคนยังประจบเจ้านายเพื่อที่จะเขี่ยคนที่ไม่ชอบ ก่อนอื่นต้องแยกแยะว่าเรื่องส่วนตัว (ความเกลียดขี้หน้าในใจ) กับเรื่องการทำงานที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมกับการเป็นฟันเฟืองขององค์กร ทำหน้าที่ ณ ตรงนั้นร่วมกัน ถือคติ “น้ำขุ่นไว้ข้างใน…น้ำใสไว้ข้างนอก” จะดีที่สุด อย่างน้อยลดการกระทบกระทั่งกันก็ยังดี ควรโฟกัสกับงานให้เป็นว่าเรามาทำอะไร ลำดับความสำคัญก่อนหลังให้เป็นระบบระเบียบจะดีมาก ส่วนเรื่องส่วนตัว ต่อให้ไม่ชอบแค่ไหน ก็จะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน

อะไรที่หยุมหยิมมองข้ามบ้าง

เรื่องที่ทำงานก็วุ่นเกินพอ อย่าให้วุ่นวายมากไปกับเรื่องเล็กน้อย มองข้าม ๆ บ้างถ้ามันไม่ได้ร้ายแรงเกินไปจริง ๆ แต่ถ้ามันมากเกินไปให้คนกลางช่วยพูดเพื่อเตือนกัน เตือนแบบไม่ต้องเยอะมาก พูดเนื้อ ๆ ตรง ๆ แต่ประนีประนอมให้เป็น ให้นุ่มนวลเหมือน “บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น” อย่าให้ถึงขั้นต้องด่ากันแรง ๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง (ในโซเชียล) เลย แม้กระทั่งคำพูดที่แซะเราตลอด ก็มองข้ามไปบ้าง อย่าไปตอบโต้อะไรที่มันแรง ๆ นอกจากจะขัดแย้งมากกว่าเดิมแล้ว มันสื่อถึงความไม่เป็นมืออาชีพในการทำงานของคุณด้วยนะ…ขอบอก

จุดยืนตัวเองคือไม่ใช้อารมณ์

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามอย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา เพราะมันมีแต่พังกับพัง จุดยืนตัวเองต้องหนักแน่นเข้าไว้ให้มาก ๆ ไม่ว่าเรื่องจะไม้จิ้มฟันยันเรือรบแค่ไหน เราก็ต้องมีอารมณ์ที่หนักแน่น มั่นคง อย่าให้ขึ้นง่ายเหมือนปรอทเลย นอกจากการทำงานจะไม่ได้เรื่องแล้ว คนที่ไม่ชอบจะพลอยได้ใจไปด้วย ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็หลีกเลี่ยงปัญหาไปก่อน แล้วค่อยคุยกับคนที่เข้าใจเรา ถ้าไม่ชอบแค่ไหนและหากมองคนที่ไม่ชอบ แต่เรื่องการทำงานไม่ได้แย่มากนัก ประนีประนอมกันให้เป็น งานจะได้เดินหน้า ไม่ต้องสะดุดกลางคัน

สมดุลตัวเอง

การรู้จักสมดุล วางตัวให้เป็นกลาง นอกจากจะสื่อว่าเรามีความน่าเชื่อถือแล้ว จะมีผลการทำงานในระยะยาวตามมา แค่เราเกลียดเขาหรือเขาเกลียดเรามันก็ทุกข์ เราไม่สามารถจัดการคนเหล่านั้นได้ ก็ต้องมาจัดการที่ตัวเราเองแทน เช่น Work-Life Balance ในที่ทำงาน ลดความคาดหวังในตนเองให้มาก ๆ หรือถนอมกับความรู้สึกตัวเองให้เป็นเมื่อเกิดปัญหา

แยกเรื่องงานกับที่บ้านให้เป็น

เรื่องราวต่าง ๆ ในองค์กรไม่พ้นเรื่องความขัดแย้ง บางทีก็สร้างปัญหาเหมือนมะเร็งอารมณ์ แต่จงจำไว้ว่าไม่ควรเอาปัญหามาลงกับที่บ้าน หรือลงกับคนใกล้ตัว คุณต้องเข้าใจว่าเขาก็มีปัญหาเป็นของตัวเอง และไม่ควรเอาปัญหาตัวเองมาซ้ำ เปลี่ยนเป็นมานั่งพูดคุยกันจะดีกว่ามาเอาปัญหาหรือใส่อารมณ์กับคนในบ้าน หรือหาที่ลงกับคนใกล้ตัว ไม่นั้นมันจะแย่ลงกว่าเดิม มืออาชีพเขาไม่ทำกันนะจ๊ะ

กล้าเผชิญหน้าด้วยสติ

หากเลี่ยงแล้วน่าเกลียดไป ก็พุ่งชนเลย แต่ต้องชนอย่างมีสมองด้วยนะ หากมีอะไรที่ขัดแย้งสามารถถกแย้งกันได้ในทันที ตามข้อมติ ข้ออภิปรายในที่ประชุม แล้วเราควรปฏิบัติกับคนที่หยาบคายกับเราด้วยความสุภาพ และกล้าที่จะพูดตรง ๆ อย่างมีชั้นเชิง ไม่ใช่พูดแบบไม่มีอะไรคิดมันไม่ใช่นะ ถ้าไม่โอเคจริง ๆ บอกไปเลยว่าไม่โอเคนะกับสิ่งนี้ พูดแบบมีสติ มีความคิดละเอียดถี่ถ้วนพอที่จะพูดในสิ่งที่ควร

ปัญหาขัดแย้งในที่ทำงาน ระดับความยากง่ายขึ้นอยู่กับแล้วแต่บุคคล เรื่องความชอบหน้าและไม่ชอบหน้า แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในชีวิตนี้ ไม่มีทางที่คนเราจะชอบอย่าง แม้แต่ชอบทุกคนที่เข้ามาในชีวิต ถ้าไม่ดีขึ้นก็เว้นช่องว่าง เว้นระยะสักพักแล้วค่อยมาลุยงานใหม่ อย่างไรก็ตามเราก็ไม่สามารถหนีคนที่เราไม่ชอบในที่ทำงานได้อยู่ดีแหล่ะ สิ่งที่สำคัญคือ ถนอมตัวเองให้เยอะ ๆ อย่าให้คนที่เราไม่ชอบทำลายตัวเราเอง อย่างน้อยเราก็รู้ดีว่าเราทำอะไร มาทำงานเพื่ออะไร เพื่อเราหรือเพื่อปากของคนไม่ชอบเรา ขอแค่เรามองโลกในที่ทำงานอย่างชาญฉลาดและอยู่เป็นก็พอแล้ว ส่วนที่เหลือมีเวลาให้ตัวเองก็ดี จะได้ไม่ต้องมาหมดไฟในการทำงานเพราะคนไม่ชอบในภายหลัง

ฝากติดตาม สุดยอดอาชีพทำเงิน ได้ที่เว็บไซต์ของเราหรือบทความดีๆ ได้ที่นี่